วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

สู่ความเข้าใจเรื่องบุหรี่




ขอความสันติจงมีแด่พี่น้องทุกท่านครับ

ลักษณะของต้นยาสูบและใบของมัน
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อาศัยอยุ่ในโลกเฟซบุค ทำให้ผมมีเวลาพอสมควรที่จะไปเยี่ยมบ้านของเพื่อนประชาชนคนอื่นๆ เวลาที่มีพอสมควรนั้นทำให้พบไปพบประชาชนบางคน ถกเถียงกันเรื่องบุหรี่ ว่าตามหลักการศาสนาแล้ว บุหรี่นั้นมัน ฮารอม หรือมักรูฮกันแน่ (ถ้าเถียงกันแบบว่า ฮารอมหรือฮาลาลก็พอว่าน่ะครับ แต่แค่เปลี่ยนจากฮารอมเป็นมักรูฮบุญมันก็ไม่ได้อยู่ดี) ประาชนบางคนก็ยกเอาบุหรี่มาเทียบกับเหล้า แล้วบอกว่ามันฮารอมเหมือนกัน คนทำให้ประชาชนอีกบางส่วนต้องออกมาชี้แจง
ผมเองความรู้ศาสนาคงมีไม่มากที่จะมาบอกว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ตกลงมันฮารอมหรือมักรูฮ แต่ถ้าจะเอาเรื่องที่มันมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราที่ชัด ผมมีเพียบครับ
ก่อนอื่นต้องขอเล่านิทานเรื่อง บุหรี่กับมะเร็งปอดก่อนนะครับ
จุดเริ่มต้นของนิทานเรื่องนี้ผมขอเริ่มจากการค้นพบบุหรี่ครั้งแรกของชาวโลกก่อนน่ะครับ
การค้นพบบุหรี่ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2035 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาลี ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา เดินเรือไปขึ้นฝั่งที่ซันซัลวาดอร์ ในหมู่เกาะเวสต์อินดีส์ ได้เห็นชนพื้นเมืองนำใบไม้ชนิดหนึ่งมามวนและจุดไฟที่ปลายมวน แล้วดูดควัน หลังจากนั้น ยาสูบจึงเข้าสู่แผ่นดินยุโรป
คริโตเฟอร์  โคลัมบัส ขณะบุกเบิกทวีปอเมริกา
จากนั้นปี พ.ศ. 2103 ฌอง นิโกต์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส นำเมล็ดยาสูบไปปารีสและเผยแพร่ทั่วแผ่นดินยุโรป กระทั่งชาวฮอลันดานำไปเผยแพร่ทั่วเกาะอินโดนีเซียและพระกระจายทั่วทั้งเอเชียในที่สุด ชื่อของนิโกต์ จึงเป็นที่มาของชื่อสาร นิโคตินที่รู้จักในปัจจุบัน จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า บุหรี่มีการกำเนิดหลังจากยุคสมัยของท่านนบีนานถึง 900 กว่าปี เพราะฉะนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีฟัตวา หรือหลักการของศาสนา หรือบัญญัติของศาสนาที่จะกล่าวถึงบุหรี่ อย่างชัดถ้อยเจน ต่อให้อิหม่ามทั้งสี่มัซฮับก็คงไม่มีใครเคยเห็นและเอาบุหรี่มาสูบอย่างแน่นอน
การแพร่ขยายของวัฒนธรรมการสูบบุหรี่ที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2325 อุตสาหกรรมบุหรี่หันมาใช้เครื่องจักรแทนการมวนด้วยมือ บุหรี่จำนวนมหาศาลหลั่งไหลครอบคลุมโลก ภาพยนตร์ Hollywood มีส่วนทำให้การสูบบุหรี่แพร่ระบาดไปทั่วโลก จากการที่พระเอกและนางเอกเกือบทุกคนสูบบุหรี่ นายโรนัล เรแกน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ สมัยที่ยังเป็นพระเอกภาพยนตร์ ก็เคยเป็นนายแบบโฆษณาบุหรี่ แน่นอนในยุคสมัยนั้น บุหรี่คือเครื่องบันเทิงใจ ที่สูบแล้วให้ความสดชื่นกับชีวิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และเป็นวัฒณธรรมของชนชั้นสูงเสียด้วย
ผู้อ่านทุกท่านคงนึกไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า การค้นพบว่าบุหรี่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายนั้น เพิ่งค้นพบมาเพียง 60 เท่านั้นครับ โดยใน
ปี พ.ศ. 2493 นายแพทย์เซอร์ริชาร์ด โดล จากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบว่า การเกิดมะเร็งปอดมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่
นายแพทย์ท่านนี้ใช้เวลานานกว่า 7 ปีในการพิสูจน์ให้คนอังกฤษทั้งเกาะเห็นว่าบุหรี่มีพิษภัยจริง การพิสูจน์ของนายแพย์ท่านนี้เริ่มต้นจากการพบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอย่างมาก และส่วนใหญ่มีประวัติสูบบุหรี่อย่างยาวนาน การค้นพบนี้ทำให้เค้าขยายการศึกษาอย่างจริงจังจนกระทั่งปี พ.ศ. 2505 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งกรุงลอนดอน ประกาศเป็นทางการว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดและโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆการประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปทั่วสหรัฐอเมริกา เพราะในขณะนั้น มีชาวอเมริกาสูบบุหรี่อยู่ถึง 50 ล้านคน
บริษัทบุหรี่ในสหรัฐอเมริกา ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่ายังไม่มีหลักฐานว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดและความสัมพันธ์ที่พบ
ปอดปกติ กับ ปอดมะเร็ง
ปี พ.ศ. 2507 นายแพทย์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา นายแพทย์ลูเธอร์ แอลเทอร์รี่ และคณะทำงานได้รายงานสรุปว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ และโรคหัวใจ
ข่าวนี้เป็นข่าวที่ช็อกชาวเมริกันและประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก เพราะตอนนั้นบุหรี่กลายเป้นอุตสาหกรรมขนาดยักษ์ที่มีผลต่อเศรฐกิจของประเทศชาติ
พูดง่ายๆก็คือ เหมือนกับที่เรารู้ว่า การมีเพศสัมพันธ์ หรือการได้รับเลือดจากผู้ที่มีเชื่อ HIV จะทำให้เราเป็นโรค HIV แน่นอนฉันใด การสูบบุหรี่มากมายและยาวนานนั้นย่อมทำให้เราเป็นโรคมะเร็ง ปอด ถ้าไม่เป็นที่ปอดก็เป็นได้อีกหลายที่ ตั้งแต่กล่องเสียง หลอดอาหาร โรคหัวล้มเหลว ซึ่งอย่าให้ผมอธิบายเลยว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่ผมเห็นๆอยู่ทุกวันนั้นมีสถาพอนาถและทรมานเพียงใด ถ้าท่านเป็นมะเร็งปอดก็โชคดีหน่อยที่ไม่ต้องเจาะคอแล้วยังคงกินข้าวกินน้ำได้ ตอนตายอาจทรมานนิดนึงที่จะรู้สึกหายใจลำบากตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นมะเร็งกล่องเสียงหรือหลอดอาหาร ก่อนตายท่านก็อาจจะต้องทานอาหารด้วยการเจาะกระเพาะ แล้วยัดอาหารลงกระเพาะไปเลย เพราะทางเดินอาหารของท่านถูกทำลายเสียหมดแล้ว กว่าจะตายก็ใช้เวลาซักพัก ทรมานมากมาย

แน่นอนว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มากมายมหาศาลย่อมได้รับการปกป้อง จากบรรดาผู้ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เหล่านั้น อาจจะรวมถึงการออกฟัตวาในยุคแรกๆที่ออกมาบอกว่าบุหรี่นั้นมักรูฮ สูบได้ไม่บาป แต่ไม่ได้บุญ เพราะการได้รับข้อมูลที่ไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบันนี้

ท่านผู้อ่านทั้งหลายก่อนที่ผมจะจบนิทานเรื่องนี้ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ทุกการรายงานทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่นั้น ไม่มีซักรายงานเดียวที่อธิบายถึงประโยชน์ของมัน แต่ขณะที่เหล้านั้น ยังพอมีบ้างที่อธิบายว่ามันช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
และเมื่อมีการเปรียบเทียบ เหล้ากับบุหรี่ในทางการแพทย์นั้น บุหรี่คว้ารางวัลชนะเลิศในการก่อโรคต่างๆมากกว่าเหล้าเยอะแยะเลยครับ  สุดท้ายท่านผู้อ่านก็โปรดใช้วิจารณญาณของ่ทานเถิดครับที่อัลลอฮได้กล่าวว่า




และพวกเจ้าอย่าได้ฆ่าตัวของพวกเจ้า”  อันนิซาอ์ : 29 บุหรี่ควรเป็นหนึ่งในสาเหตุของการฆ่าตัวตายหรือเปล่าครับ แล้วในเมื่อคำสั่งของอัลลอฮชัดเจนขนาดนี้ ถ้ายังสูบกันอีกนี่ เราเรียกกันว่าอะไรหรอครับ

1 ความคิดเห็น: